พิจิตร-ตำรวจภาค6 และฝ่ายปกครองผนึกกำลังไล่ล่าควานหาตัวคนร้ายมือเผารถแบ็กโฮ อบจ.พิจิตร (ชมคลิป)

พิจิตร-ตำรวจภาค6 และฝ่ายปกครองผนึกกำลังไล่ล่าควานหาตัวคนร้ายมือเผารถแบ็กโฮ อบจ.พิจิตร

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=SLEfrCaTWfQ[/embedyt]

วันที่ 21 ธันวาคม 2564 ความคืบหน้าจากเหตุการณ์เมื่อวานที่ผ่านมา รถแบ็กโฮของ อบจ.พิจิตร มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ลงพื้นที่ไปทำงานช่วยเหลือชาวบ้านที่หมู่ 8 ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร แต่ถูกคนร้ายแอบลอบมาวางเพลิงเผาทรัพย์สินของทางราชการจนได้รับความเสียหาย ซึ่ง พ.ต.อ. กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ นายก อบจ.พิจิตร , นายพิศ วิริยะอารีธรรม ประธานสภา อบจ.พิจิตร ได้ประกาศให้รางวัลกับผู้ที่ชี้เบาะแสจนสามารถจับตัวคนร้ายได้เป็นเงิน 2 แสนบาท

ล่าสุดวันนี้ นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้มอบหมายให้ นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ รองผู้ว่าฯพิจิตร และ นายสุภโชค ศิลปคุณ นายอำเภอสามง่าม ลงพื้นที่เพื่อพบกับชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นในจุดเกิดเหตุ ซึ่งได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าคงต้องขอเวลาในการสืบหาข่าวของคนร้ายรายนี้เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากชุมชน อีกทั้งไม่มีวัตถุพยานหรือกล้องวงจรปิดมีแค่เพียงร่องรอยของยางรถยนต์ที่เป็นรถของคนร้ายเข้ามายังจุดเกิดเหตุ อีกทั้งมีแค่ซากของยางรถยนต์ที่คนร้ายนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเผารถแบ็กโฮของ อบจ.พิจิตร

ในขณะนี้ตำรวจ สภ.สามง่าม ได้ตั้งประเด็นกว้างๆ ว่า อาจเกิดจากเรื่องส่วนตัวของคนขับรถแบ็กโฮ หรืออาจเกิดจากวัยรุ่นเสพยาคึกคะนอง หรืออาจเกิดจากความโกรธแค้นส่วนตัว แต่ยังไม่ปักใจในประเด็นการเมืองท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมาสนามการแข่งขันเลือก สจ. และ นายก-สมาชิก อบต. ก็มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ซึ่งประเด็นต่างๆเหล่านี้ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.สามง่าม ก็จะได้สืบเสาะหาข่าวต่อไป

เช่นเดียวกับ พลต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ก็ได้ให้ความสำคัญกับคดีนี้เนื่องจากเป็นการเผาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ อีกทั้งเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงอาจเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองท้องถิ่น จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมพร ทองรอด รอง.ผบก.สืบสวนสอบสวนภาค 6 และทีมงานซึ่งเป็นตำรวจมือดีลงพื้นที่ดูที่เกิดเหตุรวมถึงสืบหาข่าว สืบหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้ ซึ่งชาวบ้านที่มาร่วมในการดูที่เกิดเหตุต่างก็ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตำรวจในหลายๆด้านอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าคดีนี้เป็นเหตุการณ์ที่ชาวจังหวัดพิจิตรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพิจิตรเป็นเมืองเล็กที่ผ่านมาอยู่กันอย่างสงบไม่มีเหตุอาชญากรรมรุนแรงและไม่เคยมีประวัติของคนร้ายในการวางเพลิงเผาทรัพย์ของทางราชการเพื่อระบายความแค้นหรือแก้แค้นทางการเมืองหรือเรื่องส่วนตัวเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเมืองชาละวันแห่งนี้อีกด้วย

 

สิทธิพจน์ พิจิตร