เปิดตัวโรงเรียนแนวใหม่แห่งแรกในเอเชีย Carroll Preparatory Primary & Preschool มาพร้อมกับดีไซน์สะดุดตา เต็มไปด้วยสีสัน เป็นโรงเรียนที่จะเปลี่ยนทัศนคติทางการศึกษาให้กับเด็กไทยรุ่นใหม่

เปิดตัวโรงเรียนแนวใหม่แห่งแรกในเอเชีย Carroll Preparatory Primary & Preschool มาพร้อมกับดีไซน์สะดุดตา เต็มไปด้วยสีสัน เป็นโรงเรียนที่จะเปลี่ยนทัศนคติทางการศึกษาให้กับเด็กไทยรุ่นใหม่

Carroll Preparatory Primary & Preschool บองมาร์เช่ มาร์เก็ต พาร์ค ได้มีการจัดงานขอบคุณเหล่านักลงทุนและเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 คุณพนิดาและคุณจอร์จ แคร์โรลล์ ผู้ก่อตั้งได้กล่าวขอบคุณนักลงทุน โดยส่วนใหญ่เป็นเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่มีแนวคิดอยากจะสร้างโรงเรียนดีๆ ให้กับลูกและมีทัศนคติด้านการศึกษาเหมือนกัน พร้อมกันนั้นยังเปิดพื้นที่การเรียนรู้ ห้องเรียน ให้สื่อมวลชนได้เข้าชม

“วัยเด็ก ควรเป็นวัยที่เต็มไปด้วยความน่าค้นหาและความสนุก เด็กๆ ของเราอยู่ในบรรยากาศที่เต็มด้วยความสวยงาม ความสดใส สร้างแรงบันดาลใจและจินตนาการ” คุณจอร์จ แคร์โรลล์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งกล่าว โรงเรียนที่รับนักเรียนทุกรูปแบบ “โรงเรียนที่ดี คือ โรงเรียนที่สอนนักเรียนได้ทุกรูปแบบ วิธีการเรียนการสอนที่ดี คือ วิธีที่เด็กทุกคนได้เรียน เราไม่มีการคัดนักเรียน ไม่มีการสอบเข้า ไม่มีการแข่งขัน เราช่วยนักเรียนทุกรูปแบบ มีการจัดการเรียนการสอนที่สร้างมาเพื่อนักเรียนรายบุคคล” คุณพนิดา แคร์โรลล์ กล่าว “เด็กๆ เรียนรู้ได้ดีในวิธีที่แตกต่างกันไป และมันคือหน้าที่ของเรา ที่จะหาวิธีการเหล่านั้น เราเลือกที่จะรักษาความรักที่จะเรียนรู้ไว้ก่อนอะไรทั้งหมด เพราะเรารู้ดีจากประสบการณ์กว่า 20 ปี ว่าความรัก จะทำให้เด็กๆ เรียนรู้ต่อเรื่อยๆแบบไม่รู้จบ” ปัจจุบัน แคร์โรลล์ เพรพ มีทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่มีความต้องการการศึกษาพิเศษด้วย


ห้องเรียนที่ไม่มีโต๊ะเรียน ไม่มีกำแพงสี่ด้าน แคร์โรลล์ เพรพจัดพื้นที่การเรียนรู้แบบ Open Classroom ไม่ได้แบ่งเป็นห้องๆ ครูจะมองเห็นทะลุทุกจุด เราออกแบบห้องเรียนให้เป็นสัดส่วนด้วยเฟอร์นิเจอร์ ทุกอย่างได้รับการออกแบบอย่างเฉาะเจาะจง เพื่อนำทางให้เด็กๆ เดินเข้าไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง นักเรียนมีส่วนในการควบคุมการศึกษาของตัวเอง โดยได้รับการแนะแนวจากคุณครูตั้งแต่เด็กการออกแบบห้องเรียนแคร์โรลล์ เพรพ มีจุดหลักเป็นต้นไม้ที่สวยงาม แต่ละตนมีความหมาย มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน เช่น ต้นซากุระ จะอยู่บริเวณโซนของ Parents & Baby เป็นสัญลักษณ์ของพ่อแม่ ที่กำลังปล่อยให้ลูกๆได้เติบโต ซึ่งในอาคารมีต้นไม้ถึง 12 ต้น ที่แตกต่างกันไป


คุณจอร์จ แคร์โรลล์ กล่าว “เราอยากให้เด็กๆ รายล้อมไปด้วยบรรยากาศที่สวยงาม สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ เด็กๆ อยู่โรงเรียนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ถ้าต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ก็ยากที่จะกระตุ้นให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ได้ เราพบว่า การมีห้องเรียน โรงเรียนที่มีบรรยากาศดี ทำให้เด็กๆ ปรับตัวได้เร็ว อยากมาโรงเรียน อยากเรียนรู้”ครูรุ่นใหม่และสไตล์การสอนเฉพาะตัว แบบแคร์โรลล์ เพรพ


นอกจากความสวยงามแล้ว สิ่งที่แคร์โรลล์ เพรพ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การฝึกสอนคุณครูในโรงเรียนให้ได้มาตรฐานของแคร์โรลล์ เพรพ “เราฝึกสอนครูทุกคนที่จะเข้าทำงานที่นี่ เพราะประสบการณ์จากที่อื่นใช้กับโรงเรียนเราไม่ได้ ครูทุกคนต้องเรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด เวลาเราคัดเลือกคุณครู เราจึงมองหาคนที่ทุ่มเทให้กับผลประโยชน์ของนักเรียน มีความพยายาม ความอดทน และกล้าทำผิดพลาด เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ” การสอนครูใหม่ ไม่ต่างจากการสอนนักเรียน ถ้าเราเลือกครูที่มีความพยายาม มีทักษะการคิด ประยุกต์ใช้ ครูจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว

Mistake Based Learning สอนให้เด็กเรียนรู้จากความผิดพลาด“ลูกๆ ของคุณจะทำผิดพลาดที่นี่! ” ฟังดูแล้วน่าตกใจ แต่เราเจอเด็กๆและผู้ใหญ่เยอะมากที่กลัวความผิดพลาด ความกลัวนี้จำกัดความสามารถของพวกเขา ไม่กล้าเริ่มสิ่งใหม่ๆ มีความวิตกกังวลสูง เพราะขาดโอกาสที่จะผิดพลาด ประสบการณ์ที่ต้องประสบกับความล้มเหลวแล้วลุกขึ้นใหม่ ในโลกปัจจุบัน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราไม่สามารถหนีความแปลกใหม่ได้ เด็กยุคใหม่จึงต้องคุ้นเคยกับการลองสิ่งใหม่

ให้ความสำคัญกับสุขภาพใจ “บาดแผลทางใจมองไม่เห็น และคนมักมองข้ามมันไป” คุณพนิดา แคร์โรลล์ กล่าว “จริงๆแล้วสุขภาพใจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพกายโดยตรง ความแข็งแรงทางใจ ความพอใจและอิ่มเอมใจ ไม่ได้เกิดจากการทำให้ชีวิตเด็กๆ ราบรื่น แต่เกิดจากการได้ประสบปัญหาตามวัยและได้แก้ไขมัน รวมไปถึงการได้ค้นพบสิ่งที่ทำแล้วมีความหมายต่อตัวเองและผู้อื่น และนั่นคือสิ่งที่เราให้เด็กๆได้ที่แคร์โรลล์ เพรพ นี่คือก้าวแรก


แคร์โรลล์ เพรพ แห่งนี้ เราตั้งใจให้เป็นตัวอย่าง เหมือนโครงการนำร่อง เราอยากให้ทุกคนได้เห็นว่าเราสามารถทำให้การศึกษาสนุก น่าสนใจ ไปพร้อมๆกับได้ความรู้ทางวิชาการ สิ่งที่เราทำอาจใหม่ในประเทศไทย แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศ เรามองว่าการศึกษาควรพัฒนาไปข้างหน้าให้เร็วพอๆ กับโลก มิฉะนั้นสิ่งที่เรียนและฝึกฝนมาก็จะไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง ปัจจุบันเรากำลังเริ่มโครงการอาคารระดับประถมศึกษาเต็มตัว เพื่อรองรับนักเรียนของเราต่อไปจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งอาคารใหม่นี้จะมีพื้นที่มากกว่าเดิมถึง 5 เท่า